

วันนี้เรามีความรู้มาฝากเพื่อนๆกันนั่นคือ “หมวกกันน็อค” นั่นเองมาเริ่มกันเลยดีกว่าหมวกกันน็อคเป็นอุปกรณ์
สำคัญที่คนขับมอเตอร์ไซด์อย่างเราๆจำเป็นต้องใช้และรู้จักกันเป็นอย่างดี มันสามารถช่วยป้องกันอุบัติเหตุ
ที่ไม่คาดฝันได้ เช่น ฝุ่นเข้าตา แมลงเข้าตา ละอองน้ำ และปกป้องศรีษะของผู้ใช้จากอุบัติเหตุหนักๆ บางครั้งแมลง
และฝุ่นอาจเล็กๆที่ทุกคนมองข้ามอาจจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงก็เป็นได้ นอกจากนี้หมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐานอาจช่วยป้องกันความพิการ หรือชีวิตของผู้ขับขี่กรณีที่เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง แทนที่จะเป็นตัวที่คอยทำร้ายผู้ขับขี่ซ้ำสองจากหมวกที่ไม่ได้มาตรฐานที่อาจเกิดจากการแตกของหมวกและหน้ากากแล้วกลับมาบาดหน้า ตา และศีรษะของผู้ขับขี่ ให้ได้รับอันตรายมากขึ้นอีก ทั้งที่ทั้งนั้นขอให้เพื่อนๆทุกคนที่ขับขี่รถจักรยานยนต์สวมใส่หมวกกันน็อคทุกคน ไม่ว่าจะเป็น เด็กแว๊นซ์ หรือไบค์เกอร์ ฯลฯ เพราะมันมีความสำคัญมากกว่าป้องกันตำรวจ แนะนำให้เลือกใช้หมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐาน

เราจะมายกตัวอย่างมาตรฐานของหมวกกันน็อคที่หลายๆคนเคยคุ้นหน้าค่าตากับตัวอักษรที่เขียนว่า DOT ที่อยู๋บนหมวกกันน็อคของท่านนั่นเอง

DOT ย่อมาจาก Department of Transportation เป็น มาตรฐานหมวกกันน็อคสำหรับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ที่กำหนดขึ้นโดยสำนักงานการขน ส่งของประเทศสหรัฐอเมริกา DOT เป็นอีกมาตรฐานหนึ่งที่เป็นที่รู้จักกันดีเช่นเดียวกับมาตรฐาน SNELL แต่มีเกณฑ์และวิธีการทดสอบที่แตกต่างกัน ทั้งนี้เนื่องจากมาตรฐาน DOT พิจารณาว่า การทดสอบที่กำหนดขึ้นมาใหม่นั้นมีมาตรฐานเพียงพอต่อการคุ้มครองผู้สวมใส่ หมวกกันน็อคระดับหนึ่งแล้ว และความเข้มงวดในการทดสอบเพียงพอต่อการให้ใบรับรองผู้ผลิต เพื่อที่จะทำให้ผู้ผลิตสามารถผลิตหมวกกันน็อคได้เพียงพอกับความต้องการของ ตลาด ขณะเดียวกันนอกเหนือจากเรื่องการตรวจสอบโครงสร้างภายนอก โลหะ อุปกรณ์เสริมและรูปทรงแล้ว มาตรฐาน DOT มีการทดสอบหลักๆ อยู่ 4 หัวข้อด้วยกัน ได้แก่
1. ทดสอบมุม ทัศนะวิสัยของการมองเห็น
2. ทดสอบการดูดซับแรงกระแทกของหมวกกันน็อค
3. ทดสอบความทนทานของสายรัดคาง
4. ทดสอบความต้านทานจากการเจาะทะลุโดยสิ่งของแหลมคม

โดยรายละเอียดเพื่อให้ผ่านเกณฑ์การทดสอบมีดังนี้
1. เกณฑ์การทดสอบการมองเห็นของผู้สวมใส่ (Peripheral Vision Test) - ระดับการมองเห็นในแนวระนาบทั้งงด้านซ้ายและด้านขวา ต้องมองเห็นได้อย่างน้อยข้างละ 105 องศา จากจุดกึ่งกลาง
2. เกณฑ์การทดสอบการดูดกลืนแรงกระแทก (Impact Attenuation Test) - ค่าความเร่งสูงสุดที่เกิดขึ้นกับหัวหุ่นทดสอบต้องวัดค่าได้ไม่เกิน 400 G (400 เท่าของแรงโน้มถ่วงโลก) - และไม่เกิน 200 G หลังการกระแทก 2 mS. (2 เสี้ยววินาที) - ใน 4 mS. (4 เสี้ยววินาที) จะต้องวัดค่าได้ไม่เกิน 150 G วิธีการทดสอบ : ให้ทำการทดสอบทั้งหมด 4 ตำแหน่งบนหมวกกันน็อค โดยทำการทดสอบการดูดซับแรงกระแทกตำแหน่งละ 2 ครั้ง แต่ละตำแหน่งให้ห่างกันอย่างน้อย 12 ช.ม. แบบทดสอบที่ 1 เป็นการทดสอบการดูดซับแรงกระแทกกับแท่นทดสอบชนิดเรียบ (Flat Anvil) โดยทำการทดสอบจำนวน 2 ตำแหน่งใดๆ บนหมวกกันน็อค โดยนำหมวกกันน็อคสวมหัวหุ่นทดสอบ แล้วปล่อยลงมาในแนวดิ่งที่ความสูงประมาณ 1.84 เมตร เพื่อให้กระแทกบนแท่นทดสอบแบบเรียบ (Flat Anvil) ที่ความเร็ว 5.7-6.0 เมตร/วินาที วัดค่าความเร่งสูงสุดที่เกิดกับหัวหุ่นทดสอบจะต้องมีค่าไม่เกิน 400 G แบบทดสอบที่ 2 เป็นการทดสอบการดูดซับแรงกระแทกกับแท่นทดสอบชนิดโค้ง (Hemi Anvil)โดยทำการทดสอบจำนวน 2 ตำแหน่งใดๆ บนหมวกกันน็อค โดยนำหมวกกันน็อคสวมหัวหุ่นทดสอบ แล้วปล่อยลงมาในแนวดิ่งที่ความสูงประมาณ 1.38 เมตร เพื่อให้กระแทกบนแท่นทดสอบแบบโค้ง (Hemi Anvil) ที่ความเร็ว 4.94-5.2 เมตร/วินาที วัดค่าความเร่งสูงสุดที่เกิดกับหัวหุ่นทดสอบจะต้องมีค่าไม่เกิน 400 G ในการทดสอบทั้งหมด 2 mS. (2 เสี้ยววินาที) หลังการกระแทก ค่าแรง G ที่หัวหุ่นจะต้องวัดได้ไม่เกิน 200 G และในอีก 2 เสี้ยววินาทีต่อมา ค่าแรง G ที่วัดได้จะต้องไม่เกิน 150 G
3. เกณฑ์การทดสอบประสิทธิภาพของสายรัดคาง(Retention System Test) เป็นการทดสอบความทนทานของสายรัดคางพร้อมอุปกรณ์การล็อคสาย - สายรัดคางเมื่อถูกดึงตามน้ำหนักที่กำหนด ควรยืดตัวไม่เกิน 25 มิลลิเมตร - ต้องไม่มีส่วนประกอบใดของระบบสายรัดคาง หลุดหรือแยกออกจากกัน วิธีการทดสอบ : นำหมวกกันน็อคใส่หัวหุ่นทดสอบ รัดสายรัดคางให้แน่น ใช้เครื่องมือดึงสายรัดคางด้วยแรง 300 ปอนด์ เป็นเวลา 2 นาที วัดระยะการยืดของสายรัดคางจะต้องยืดจากเดิมไม่เกิน 25 มิลลิเมตร (1 นิ้ว)
4. เกณฑ์การทดสอบแรงทะลุทะลวง (Penetration Test) - หัวเจาะทดสอบจะต้องไม่ทะลุจนสัมผัสกับศีรษะจำลอง วิธีกาารทดสอบ : ทิ้งเหล็กแหลมที่มีน้ำหนัก 3 กิโลกรัมลงมาด้วยระยะความสูง 3 เมตร หัวเจาะต้องไม่ทะลุจนสัมผัสกับศีรษะจำลอง

หวังว่าเพื่อนๆหลายๆคนคงจะเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน DOT เพิ่มมากขึ้นนะครับทั้งนี้ทั้งนั้นขอให้เพื่อนๆที่ขับขี่รถจักรยานยนต์เลือกใช้หมวกกันน็อคที่มีมาตราฐานและสวมใส่ทุกครั้งที่ขับรถจักรยานยนต์ เพราะไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นตอนไหนเมื่อไหร่และที่สำคัญในการขับขี่ควรลดความคึกคะนอง และไม่ประมาทเพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุ

หากมีข้อมูล ผิดพลาดประการใดทางเราขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย สำหรับวันนี้ขอลาไปก่อนในครั้งหน้าเราจะมีสาระความรู้ดีๆมาฝากเพื่อนๆกันอีกเหมือนเดิม
สามารถติดตามได้ที่เพจของเรา Furii Shop ขอบคุณครับ
****